Tiny's Bride

Tiny's Bride
ผลงานแต่งหน้าโดยครูเปา

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คอร์สสอนแต่งหน้าเพื่อประกอบอาชีพ (ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้)

หลักสูตรแต่งหน้าเพื่อประกอบอาชีพ PROFESSIONAL MAKE UP COURSE
หลักสูตรนี้ออกแบบสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนแต่งหน้า และนำความรู้ไปประกอบอาชีพ แต่มีเวลาจำกัด การเรียนการสอนเป็นแบบตัวต่อตัวอย่างละเอียดทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติตั้งแต่พื้นฐานการแต่งหน้าจนถึงการแต่งหน้าเจ้าสาว โดยหนึ่งคลาสจะรับนักเรียนไม่เกิน 8 ท่าน ระยะเวลาในการเรียนทั้งหมด 30 ชั่วโมง ( 4 วัน ) พร้อมแนะแนวเตรียมความพร้อมในการเริ่มต้นอาชีพช่างแต่งหน้าตั้งแต่ต้นจนสามารถเริ่มอาชีพได้ เรียนในสตูดิโอสอนแต่งหน้ามาตรฐานสากล เปิดสอนทั้งแบบวันธรรมดา (เรียน 4 วันติดกัน ) และวันอาทิตย์ (เรียนทุกวันอาทิตย์ 4 สัปดาห์) เรียนตั้งแต่ 10.30 - 17.30 ไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็สามารถเรียนได้ค่ะ





รายละเอียดหลักสูตร ( Course Outline )
Day1
แนะแนวและเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพช่างแต่งหน้า / การเตรียมผิวและการแก้ไขรูปหน้า
  • รู้จักอาชีพช่างแต่งหน้า เตรียมความพร้อมและอุปสรรคในอาชีพ การสร้าง Portfolio การหาช่องทางการตลาดและการหาลูกค้า
  • รู้จักเครื่องสำอางค์ อุปกรณ์แต่งหน้า
  • ทฤษฎีสีผิว ( Skin Undertone ) และการปรับสีผิว
  • ทฤษฎีการลงรองพื้น ( Foundation and Concealer )
  • ทฤษฎีการวิเคราะห์รูปหน้า และโครงสร้างใบหน้าแบบต่างๆ
  • การแก้ไขรูปหน้าด้วยเทคนิค Highlight & Shading
  • การลงแป้ง ( Powder Setting )
  • เทคนิคการปัดแก้ม
  • ภาคปฎิบัติ: การเตรียมผิวด้วยการลงรองพื้น การแก้ไขรูปหน้าและจุดบกพร่อง การปัดแก้ม
Day 2
การแต่งตา
  • เทคนิคการแต่งตา การเลือกและการติดขนตาปลอม
  • การแก้ไขตารูปแบบต่างๆ
  • ภาคปฏิบัติ : แต่งตาที่เหมาะกับแต่ละรูปตา การติดขนตาปลอมให้สวยเป็นธรรมชาติ
Day 3
การเขียนคิ้ว / การทาปาก /เทคนิคแต่งหน้าในโอกาสต่างๆ / แสงที่มีผลต่อเมคอัพ ( เรียนในสตูดิโอถ่ายภาพ)
  • แต่งหน้าเจ้าสาว
  • การแต่งหน้าสำหรับงานกลางวัน/กลางคืน
  • แต่งหน้าสำหรับการถ่ายภาพ Outdoor
  • เรียนรู้เรื่องระดับแสงที่มีผลต่อเมคอัพ แสง window lighting, แสงกลางคืน , แสง outdoor , แสงในสตูดิโอถ่ายภาพ
  • ภาคปฏิบัติ: เขียนคิ้ว แต่งหน้าแบบ และขึ้นสตูดิโอถ่ายภาพเพื่อเรียนเรื่องแสงที่มีผลต่อเมคอัพ
Day 4
  • สอบปฏิบัติการแต่งหน้า – นักเรียนนำแบบมาเพื่อสอบแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว เรียนรู้เทคนิคการลงตัวเจ้าสาว
  • เทคนิคการถ่ายภาพเพื่อการทำ Portfolio ( ภาพผลงาน )
ทดสอบการแต่งหน้าสำหรับแสงในสูดิโอ นักเรียนทดสอบผลงานกับการถ่ายภาพกับแสงในสตูดิโอจริง
อัตราค่าเรียน
13,000 บาท/ท่าน (รวมอุปกรณ์เพื่อไปประกอบอาชีพ)
10,000 บาท/ ท่าน (ไม่มีอุปกรณ์ )
** เครื่องสำอางที่จัดให้จะมีหลานแบรนด์โดยจะเลือกตามการใช้งานและความเหมาะสมโดยจะมี
KMA by Covermark, Giffarine และ MTI เป็นหลักค่ะ **
รายการเครื่องสำอาง
1. รองพื้นเบอร์สีเข้ม และ อ่อน เพื่อใช้ในการผสมสี
2. คอนซีลเลอร์ สีกลางๆ ที่เหมาะกับสีผิวทั่วไป
3. Cream Shading
4. Cream Highlight
5. แป้งฝุ่นโปร่งแสง
6. อายชาโดว์พาเลท + บลัชออน (เซ็ทใหญ่)
7. ฝุ่นสำหรับเขียนคิ้ว
8. อายไลน์เนอร์
11 ลิปสติกพาเลท ( 24 สี )
12.มาสคารา
13. ดินสอเขียนคิ้ว
อุปกรณ์
1. เซ็ทแปรงอย่างดี 12 ชิ้น
2. พัฟสำหรับแป้ง
3. ฟองน้ำรองพื้น
4. แหนบ
5. กรรไกรเล็ก
6. ที่ดัดขนตา
7. กระเป๋าสำหรับใส่อุปกรณ์ (กระเป๋าผ้า NARAYA )
( อัตาราค่าเรียนนี้ รวมอุปกรณ์และเครื่องสำอางอื่นๆที่ใช้ในตลอดการเรียนการสอนค่ะ)

The New Studio
สตูดิโอออกแบบและตกแต่งตามมาตรฐานเทียบเท่าโรงเรียนสอนแต่งหน้าชั้นนำของประเทศฝรั่งเศส Make Up Atelier Paris นักเรียนจะได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนการสอนในคลาสที่มีมาตรฐานระดับสากล ห้องเรียนกว้างขวาง ห้องรับรองสะดวกสบาย

ครูเปา ชมบงกช อู่สวัสดิ์

   สถาบัน Make Up Atelier Paris


นักเรียนคลาสประกอบอาชีพกับผลงาน

เรียนแต่งหน้า


เนื่องจากมีผู้สนใจสอบถามเข้ามาเยอะมากเกี่ยวกับคอร์ส สอนแต่งหน้าเพื่อประกอบอาชีพ ครูขออนุญาตนำคำถามมาตอบเป็นข้อๆให้เพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ
และกำลังตัดสินใจว่าจะ เรียนแต่งหน้าที่ไหนดี ดังนี้นะคะ
1. ไม่มีพื้นฐานเรื่องการแต่งหน้าเลยสามารถเรียนได้ไหม
คอร์สนี้ออกแบบสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้ เนื่องจากเป็นคลาสเรียนเล็ก ( รับนักเรียนไม่เกิน 8 คนต่อคลาส ) ทำให้ครูสามารถให้คำแนะนำ และสอนตามพืน้ฐานและความต้องการของแต่ละบุคคล เนื้อหาในการเรียนการสอนเป็นการสอนตั้งแต่พื้นฐานของการแต่งหน้าทั้งทฤษฎี และปฏิบัติค่ะ ส่วนฝีมือเป็นเรื่องของการพัฒนาทักษะที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝนค่ะ ถึงแม้ไม่มีพื้นฐานหรือความรู้แต่หากมีความสนใจก็จะช่วยส่งเสริมให้เราสามารถต่อยอดในอาชีพแต่งหน้าได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
2. สามารถสอนแบบตัวต่อตัวได้ไหม
คลาสของเรามีขนาดเล็กอยู่แล้ว ครูสามารถออกแบบการสอนได้ตามพื้นฐานของนักเรียนแต่ละคน จึงอยากแนะนำว่าจริงๆแล้วการเรียนเป็นกลุ่มนั้นจะเกิดประโยชน์กับผู้เรียนมากกว่ามาก เพราะนักเรียนจะได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กันภายในคลาส ได้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนในการแต่งหน้าของคนอื่นๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้และได้พัฒนาฝีมือมากกว่าการเรียนคนเดียว ที่ผู้เรียนจะไม่ได้เห็นผลงานของใครเลยนอกจากของตัวเอง นอกจากนี้เพื่อนในคลาสจะช่วยเป็นแบบแต่งหน้าให้เรา ทำให้นักเรียนได้ทดลองแต่งหน้าบนโจทย์ที่หลากหลาย ได้แก้ปัญหาของแต่ละสภาพผิวและโครงหน้าที่แตกต่างกัน และที่สำคัญที่สุดคือได้เพื่อนร่วมอาชีพ ที่จะช่วยเหลือเกื้อหนุนกันต่อไปในอนาคตค่ะ

ภาพบบรยากาศการเรียนการสอนแบบใกล้ชิด


3. เรียนแล้วจะสามารถไปเป็นช่างแต่งหน้าได้จริงๆรึเปล่า กลัวหางานไม่ได้
เรียนจบคลาสกับครูแล้ว ความรู้ที่ได้สามารถไปเป็นช่างได้จริงแน่นอนหากมีความตั้งใจจริงค่ะ การเรียนการสอนในคลาสจะเป็นการสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติอย่างละเอียดเพื่อให้คนที่มาเรียนนั้นสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริงๆ ไม่เพียงแค่สอนวิชาแต่งหน้าแต่เท่านั้นแต่สอนทุกอย่างท่เป็นองค์ประกอบที่จะทำให้เราสามารถออกไปสูเส้นทางสายอาชีพแต่งหน้าได้ อย่างไรก็ตามหากนักเรียนเรียนไปแล้ว ไม่นำความรู้ที่ได้เรียนมาไปใช้และฝึกฝน ความรู้นั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเรียนจบจากสถาบันมีชื่อแค่ไหนก็ตาม เมื่อเรียนจบแล้วสิ่งที่นักเรียนต้องทำก็คือการสร้างพอร์ท ( ภาพผลงาน ) การนำเสนอตัวเองเพื่อให้ได้งาน ซึ่งในการเรียนกับครูก็จะสอนให้หมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำ Port Folio การทำการตลาดเพื่อหาลูกค้าโดยใช้โดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด การใช้ Social Network และช่องทางการหางานอื่นๆสำหรับอาชีพแต่งหน้า อุปสรรคในอาชีพ การวงตัวที่เหมาะสม พร้อมแชร์ประสบการณ์ตลอด 10 ปีในการเป็นช่างแต่งหน้าของครูทุกแง่มุม
นอกจากนี้นักเรียนที่เรียนจบไปแล้วของครูได้สร้าง community เล็กๆบน Facebook ชื่อ Tiny Makeup Student’s Club ซึ่งนักเรียนที่เรียนจบแล้วจะถูกแอดเข้ากรุ๊ปโดยอัตโนมัติ ( ครูจะขอให้สร้าง Acoount ของตัวเอง ) และที่นี่เป็นที่ที่ทุกคนเข้าจะมาโพสต์งานที่ต้องการช่างแต่งหน้าไว้ ใครสะดวกก็ติดต่อไปทำได้เลย
4. จำเป็นต้องใช้เครื่องสำอางค์ที่ครูจัดให้หรือไม่ เอาของตัวเองมาได้ไหม
ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องสำอางค์ที่จัดให้ค่ะ นักเรียนสามารถจัดหาอุปกรณ์และเครื่องสำอางค์ของตัวเองมาได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าเครื่องสำอางที่จะนำมานั้นจะต้องมีครบสำหรับใช้ในการเรียนเพื่อประกอบอาชีพ ซึ่งนักเรียนสามารถขอลิสต์รายการเครื่องสำอางที่ต้องใช้สำหรับการเรียนเพื่อนำไปซื้อเองได้เลย ในอัตราค่าเรียน 13000 บาทที่รวมอุปกรณ์แล้วนั้น ก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนเท่านั้นค่ะ หากนักเรียนต้องการนำอุปกรณ์และเครื่องสำอางค์มาเอง อัตราค่าเรียนจะอยู่ที่ 10,000 บาทต่อท่านค่ะ ราคาสินค้าที่จัดหาให้เป็นราคาตามจริงและเป็นสินค้าแบรนด์ทั่วไปในท้องตลาด ซึ่งครูจะเลือกประเภท ชนิด ที่เหมาะสำกับการใช้ของช่างมาให้ ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ของนักเรียนที่นำอุปกรณ์มาเอง ก็คือมีไม่ครบ และซื้อมาไม่ถูกประเภท จึงไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนค่ะ


5. มีประกาศนียบัตรหลังจากเรียนจบไหม
เนื่องจากครูเป็นสตูดิโอส่วนตัว ไม่ได้เป็นสถาบันที่จดทะเบียนกับกระทรวงศึกษาจึงไม่สามารถออกประกาศนียบัตรได้ จริงๆแล้วอยากจะบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือภาพผลงานของเราเอง เพราะไม่มีลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างคนไหนขอดูประกาศนียบัตรจากช่างแต่งหน้า แต่สิ่งที่เขาจะขอดูก็คือภาพผลงานของเราค่ะ ซึ่งหลังจากเรียนจบนักเรียนจะมีผลงานแต่งหน้าเจ้าสาวจากคลาสที่ครูถ่ายรูปให้เป็นผลงานตั้งต้นค่ะ
6. ต้องหานางแบบมาแต่งหน้าทุกครั้งหรือไม่
ไม่ต้องนำแบบมาทุกครั้งค่ะ เพราะในการเรียนการสอนครูจะให้นักเรียนสลับกันแต่งเพื่อนในคลาส ครบสี่สัปดาห์จะเวียนแต่งได้ครบสี่หน้าพอดี แต่ทั้งนี้นักเรียนจะต้องนำแบบมาในสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนเพื่อสอบแต่งหน้าเจ้าสาว โดยจะต้องหานางแบบมาเป็นแบบแต่งหน้า และนำชุดเจ้าสาว หรือชุดที่ถ่ายรูปออกมาแล้วใกล้เคียงกับเจ้าสาวมาในนางแบบใส่ โดยจะมีลูกศิษย์รุ่นก่อนๆที่ทำผมได้มาทำผมให้แบบ หรือหากนักเรียนสามารถทำผมหรือเกล้าผมอย่างง่ายได้แล้วก็สามารถทำให้แบบได้เลย โดยครูจะคอยถ่ายรูปก่อนแต่ง หลังแต่ง และระหว่างการแต่งทั้งหมดไว้ให้ ซึ่งจุดประสงค์ก็เพื่อให้นักเรียนสามารถนำภาพจากการสอบนี้ใช้เป็นพอร์ทในการหางานได้ต่อไป

ตัวอย่างภาพวันสอบที่นักเรียนพานางแบบมาสอบแต่งหน้าเจ้าสาว




7. ข้อแตกต่างระหว่างคลาสของ Tiny Make Up กับ MTI
ครูเป็นลูกศิษย์ MTI ค่ะ สามารถบอกได้ว่าการสอนของครูทั้งในด้านทฤษฎีและปฏบัตินั้นเป็นแนวทางเดียวกับ MTI แต่สิ่งที่ต่างกันหลักๆก็คือMTI เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง คลาสของ MTI จะเป็นคลาสเรียนขนาดใหญ่ มีนักประมาณ 15-20 คนต่อคลาส มีอัตราค่าเรียน ที่ค่อนข้างสูง คือ 30,000 บาทต่อคน ส่วนคลาสของ Tiny Make Up เป็นสตูดิโอส่วนตัว เปิดสอนแต่งหน้าแบบคลาสขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่เกิน 8 คน ครูสามารถสอนแบบตัวต่อตัว ตามพื้นฐานของนักเรียนแต่ละคนได้ อัตราค่าเรียนเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเป็นช่างแต่งหน้าแต่ไม่ต้องการใช้งบประมาณที่สูงมากนัก นักเรียนของ Tiny Make Up สามารถกลับมาเรียนซ้ำไม่จำกัดจำนวนครั้ง และสามารถมาใช้สตูดิโอถ่ายภาพของครูได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
8. สถานที่ตั้งของสตูดิโอ
สตูดิโอใหม่ย้ายมาอยู่ติดถนนปัญญารามอินทราค่ะ อยู่ตรงข้ามสนามกอล์ฟปัญญา หน้าสปอร์ตคลับของหมู่บ้านปัญญารามอินทรา เป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา เลขที่ 9/8 เข้าจากถนนรามอินทรามาแค่ 500 เมตรค่ะ


10. เวลาเรียน

คลาสเริ่มเวลา 10.30 น. – 17.30 น. ค่ะ


เรียนแต่งหน้ากับครูเปา

11. การจองและมัดจำค่าเรียน

การจองคิวเรียนสามารถโอนมัดจำ 3,000 เข้าบัญชี SCB ออมทรัพย์ 029-4104-705 สาขาหลักสี่ ชื่อบัญชี นส. ชมบงกช อู่สวัสดิ์
และชำระที่เหลือ 10,000 ในวันที่มาเริ่มเรียน สำหรับนักเรียนนำอุปกรณ์และเครื่องสำอางมาเอง และชำระที่เหลือ 7,000 บาทในวันเริ่มเรียนค่ะ

หากมีคำถามนอกเหนือจากนี้ยังไงรบกวนโทรมาคุยหรือไลน์มาที่ 081-8143244 นะคะ
Line ID : tiny_pao

ครูเปา

แต่งหน้าประกอบอาชีพ
บรรยากาศการเรียนการสอนแต่งหน้าคอร์สประกอบอาชีพและวันสอบเก็บภาพผลงานแต่งหน้าเจ้าสาว

ครูสาธิตการแต่งหน้าโดยนักเรียนสามารถดูได้อย่างใกล้ชิด

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เจ้าสาวคนสวย กับ งานแต่งงานที่ Sofitel So Bangkok


เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไป แต่งหน้าเจ้าสาว ที่โรงแรม Sofitel So Bangkok ( โซฟิเทล โซ แบงค็อก ) วันนี้นอกจากจะขอเล่าเกียวกับเจ้าสาวแล้ว ก็ขอถือโอกาสเล่าเกี่ยวกับโรงแรมเป็นเพื่อข้อมูลสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานอยู่ด้วยค่ะ  โรงแรม Sofitel So เป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่สดๆร้อนๆ เมื่อต้นปี 2012 นี่เอง ตั้งอยู่บนถนนสาธร ซึ่งโรงแรมสามารถเข้าได้ทั้งจากถนนสาทร และถนนพระราม 4 

ดีไซน์ของโรงแรมค่อนข้างจะโมเดิร์นมากทีเดียวค่ะ เมื่อเดินเข้ามาถึงชั้นหนึ่งก็จะเจอ lobbyเล็กๆ ซึ่งเป็นแค่ lobby ต้อนรับ ไม่ใช่ที่สำหรับเช็คอิน  ระหว่างที่กะลังยืนงงอยู่ว่าจะไปทางไหนดี ก็มีพนักงานแต่งตังด้วยผ้าไทยประยุกต์ แบบโมเดิร์นมากๆมาทักทายต้อนรับ และเสนอตัวพาเราไปที่ Main Lobby ที่อยู่บนชั้น 9 ของโรงแรม  ที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งชัดเกี่ยวกับพนักงานที่นี่ ที่นอกจากจะมีอัธยาศัยไมตรีดี และสุภาพแล้ว ก็คือความมั่นใจและดูร่าเริงกระตือรือร้นเป็นพิเศษค่ะ (ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมีมาจากชุดที่มีสีสันสดใส กับดีไซน์ที่ดูทันสมัยแบบใครใส่ก็ภูมิใจ  ) 

พอมาถึง lobby บนชั้น 9แล้ว ก็ต้องแอบว้าวในใจ เพราะ Lobby เก๋ และใช้เฟอร์นิเจิอร์แปลกตา ที่สำคัญสามารถมองเห็นวิวของสวนลุมและกรุงเทพแบบ Panoramic  ซึ่งน่าจะมี lobby แบบนี้เพียงไม่กี่ที่ในกรุงเทพ


หลังจากนั้นพนักงานก็พาเดินไปยังลิฟท์หลักที่จะพาขึ้นไปห้องพักของเจ้าสาวค่ะ สิ่งที่ผู้เข้าพักอาจไม่คุ้นชินก็คือ ทางเดินระหว่างไปห้องพักของโรงแรมนี้จะทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในผับใต้ดิน คือจะมืดมากๆ จะมีก็แค่ไฟสีฟ้า เรืองๆ พอแค่ให้เห็นทางเดินเท่านั้น  แอบได้ยินแขกผู้ใหญ่ที่เดินสวนไปสองท่านบ่นอย่างขัดใจว่า "โรงแรมอะไร ทำไมมันทำมืดๆอย่างนี้ "   สำหรับคนที่จะเลือก Sofitel So  อาจจะต้อง take note ตรงนี้ไว้นิดนึงกันโดนบ่นนะคะ



ห้องพักของเจ้าสาวมีหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวสวนลุมในมุมกว้าง ทำให้ห้องดูสว่างแบบสบายตา ต่างจากทางเดิน  แสงแบบนี้ช่างแต่งหน้าชอบมากค่ะ  โดยเจ้าสาวของงานนี้ "คุณยุ้ย "รอเราอยู่ในโหมดสบายๆ เพราะงานของคุณยุ้ยเป็นงาน Reception แบบตะวันตก เนื่องจากเจ้าบ่าวเป็นคน Australian จึงไม่ต้องรีบไปยืนรับแขกหน้างานเหมือนงานทั่วๆไป  






สำหรับสไตล์การแต่งหน้าในวันนั้น เปาเลือกการ แต่งหน้าโทนธรรมชาติ ให้คุณยุ้ย  เพราะเป็นโทนที่เข้ากับผิวสวยสีน้ำผึ้ง และบุคลิคที่ดูนิ่งๆ แต่มั่นใจของเจ้าสาว  ซึ่งคุณยุ้ยก็เห็นด้วยกับแนวการแต่งหน้าที่เลือกให้ ส่วนทรงผมก็เลือกแบบ เกล้าหลวม ให้เห็น texture ของผมแบบเป็นธรรมชาติ ( ชมภาพเจ้าสาวของคุณยุ้ยเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tinymakeup.com/ )





หลังจากเสร็จงานก็พอมีเวลาไปเดินชิลรอบๆโรงแรม บังเอิญวันนั้นเป็นวันเสาร์สิ้นเดือนจึงรู้ว่า ที่โรงแรมจะมี Pool Party ที่ชั้น 10 ของโรงแรม ทุกวันเสาร์สิ้นเดือนของทุกเดือน ซึ่ง Pool Party ของที่นี่กำลังเป็น Talk of the town อยู่ในขณะนี้

เสียดายที่งานของคุณยุ้ยเป็น Sit Down Dinner งานจึงเริ่มค่อนข้างช้า ทำให้ไม่มีโอกาสได้เข้าเก็บภาพในห้องจัดเลี้ยงมาให้ดูด้วยตัวเอง   ถึงไม่ได้เห็นห้องจัดเลี้ยงในวันนัน แต่ก็ขอเอาภาพไฮไลท์ของโรงแรมหลายๆจุดมาให้ชมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ

- Pao -
Aug 2012




   Infinity Pool
 Park Society
                                                                                Ballroom
                                                                       ภายนอกของโรงแรม

มุมที่ถือว่าเป็นอีก signature หนึ่งของ Sofitel So